วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2559
เตือนใจชาวไร่ปลูกมันด้วยระบบน้ำหยด
คุณชาติชาย ศิริพัฒน์ สหายร่วมชายคาหน้าเกษตร หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เล่าบทความเรื่องระบบน้ำหยดกับโรคมันฯ ความจริง...ที่ต้องปฏิเสธ เนื้อหาเนื้อความเป็นอย่างไร ไม่ขอพูดถึง วันนี้ให้ความเข้าใจแก่ชาวไร่ ผู้ปลูกมันสำปะหลังที่ใช้ระบบน้ำหยด ให้หลุดพ้นปัญหาไส้เดือนฝอย ทำรากมันสำปะหลังเป็นปุ่มปม มันฯไม่ออกหัวก่อนอื่นต้องบอกว่า...อย่าเพิ่งตื่นตูม ไปโทษว่าระบบน้ำหยดไม่ดี แล้วไปรื้อถอนทิ้งเลิกใช้เพราะการใช้ระบบน้ำหยดในไร่มันสำปะหลัง ไม่ได้มีอุปสรรคในทุกพื้นที่... การใช้ระบบน้ำหยดจะไร้ปัญหาเลย ถ้าดินในแปลงปลูกไม่มีเชื้อไส้เดือนฝอย หากว่าใช้ระบบน้ำหยด ใคร่รู้ว่าดินในแปลงปลูกของตัวเองมีเชื้อไส้เดือนฝอยหรือไม่ วิธีตรวจสอบง่ายๆ ถ้าปลูกมาแล้ว 3-4 เดือน ให้ลองถอนต้นขึ้นมาดู ถ้ารากมีปมปุ่มคล้ายๆรากต้นถั่ว และมีรากเล็กๆเต็มไปหมด มันฯ ไม่มีหัว นั่นแสดงว่าอาณาบริเวณของเรามีเชื้อไส้เดือนฝอยแอบแฝงอยู่ อย่าเสียเวลารออิทธิฤทธิ์ว่ามันฯจะออกหัวได้ ให้รื้อทิ้งไปทั้งหมด แล้วลงปลูกสร้างใหม่...เปลี่ยนแบบมาปลูกพันธุ์ระยอง 72 เพราะเป็นพันธุ์ที่ทนต่อโรคไส้เดือนฝอย แต่ท่อนพันธุ์อาจจะหายากหน่อย เพราะหลายปีที่ผ่านมา ชาวไร่ไม่ค่อยนิยมปลูก ด้วยอ่อนแอต่อเพลี้ยแป้งสีชมพู แต่อาจจะแก้ปัญหาด้วยการแช่ท่อนพันธุ์ด้วยน้ำยาคุ้มกันเพลี้ยแป้งก่อนปลูก แต่ถ้าคิดว่า พอแล้ว ไม่เอาแล้วมันฯ จะปลูกอย่างอื่นแทน...หากจะปลูก พืชปรับปรุงดิน ชี้ช่องทางให้ปลูกปอเทือง เพราะว่าไส้เดือนฝอยไม่พิสมัยกลิ่นรากปอเทือง....แต่ถ้าต้องการจะปลูกพืชทำเงิน เอาระบบน้ำหยดมาใช้ปลูกดาวเรือง เก็บดอกวางขายจะดียิ่งนัก เพราะเป็นพืชอีกพันธุ์ที่ไส้เดือนฝอยไม่ชอบหรือจะเอาระบบน้ำหยดไปใช้กับพืชอย่างอื่น ที่ทำเงินได้ดีกว่าและเร็วกว่ามันสำปะหลัง จะยิ่งน่าสนใจ...อย่างไรก็ตาม มะเขือเทศ พริก และพืชตระกูลถั่ว ต้องมองข้าม เพราะไส้เดือนฝอยช้อบชอบ ส่วนจะปลูกพืชอะไรที่เหมาะสมและทำเงินได้ดี นอกจากจะต้องดูตลาดในพื้นที่ก่อนว่ามีความปรารถนาอะไร...ควรขอความเห็นเจ้าหน้าที่เกษตรผู้มีการทำงานให้ความรู้เกษตรกรว่า พืชกลุ่มไหน พอจะทนทานกับไส้เดือนฝอยที่มากัดกินรากพืชได้.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น